ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ควรได้รับการดูแลอย่างถูกต้องเพื่อชะลอการเสื่อมของไตและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะทุพโภชนาการหรือการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ซึ่งวันนี้เราก็จะพาคุณไปทำความเข้าใจกับสาเหตุของการเกิดโรคไตและคำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยโรคไต ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
โรคไตเรื้อรัง เกิดจากอะไร
โรคไตเรื้อรัง เป็นโรคที่เกิดจากภาวะไตเสื่อมหรือทำงานได้ลดลง ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมน้ำและแร่ธาตุต่างๆในร่างกาย การกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งสาเหตุหลักที่มักพบ คือ เกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ที่ส่งผลให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไตเสื่อมลง ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของไตลดลง และเกิดเป็นภาวะไตเสื่อม โดยแบ่งได้เป็น 5 ระยะ ซึ่งประเมินตามค่า eGFR หรือ อัตราการกรองของไต
ระยะของโรคไต แบ่ง 5 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ไตเริ่มเสื่อม หรือพบโปรตีนรั่วในปัสสาวะ อัตราการกรองยังปกติ > 90 %
ระยะที่ 2 ไตเสื่อม อัตราการกรองลดลงเล็กน้อย 60-90 %
ระยะที่ 3a อัตราการกรองลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง 45-60 %
ระยะที่ 3b อัตราการกรองลดลงปานกลางถึงมาก 30-45 %
ระยะที่ 4 อัตราการกรองลดลงมาก 15-30 %
ระยะที่ 5 ไตระยะสุดท้าย อัตราการกรอง <15 %
อาการของโรคไตเรื้อรัง
อาการของโรคไตนั้นขึ้นอยู่กับระยะและสาเหตุของโรคไต
โดยในระยะแรกนั้นมักไม่มีอาการ แต่จะตรวจพบได้จากค่าผลเลือด การตรวจปัสสาวะ ค่าความดันโลหิตสูง รวมถึงอาการแสดงต่างๆ และ เมื่อการทำงานของไตลดลงเรื่อย ๆ ของเสียต่าง ๆ ในร่างกายจะมีการสะสมมากขึ้นทำให้เกิดอาการต่างๆได้ ดังนี้
- อ่อนแรง
- เหนื่อยง่าย
- รู้สึกเบื่ออาหาร
- ปัสสาวะบ่อยมากในตอนกลางคืน
- นอนไม่ค่อยหลับ
- เท้าบวม
- มีอาการผิวแห้งและคัน
- มักจะเป็นตะคริวตอนกลางคืน
ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ หากพบว่าเป็นโรคไตจะได้รักษาได้ทันนั่นเอง
คำแนะนำการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง และผู้ป่วยที่ไตเริ่มเสื่อม
ปัญหาที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคไตเสื่อม คือ การเกิดภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ โดยจะส่งผลกระทบต่อการทํางานของไต ส่งผลต่อการรักษา ดังนั้น การดูแลทางโภชนาการอย่างถูกต้อง ควรเริ่มโดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยทําให้ผลการรักษาดีขึ้น ลดภาวะแทรกซ้อนและค่าใช้จ่ายในการรักษา
- พลังงาน ควรได้รับเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเพื่อให้มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ปริมาณพลังงานโดยพิจารณาแยกตามกลุ่มอายุ ดังนี้
- อายุน้อยกว่า 60 ปี ควรได้รับพลังงานประมาณ 35 กิโลแคลอรี/กก.น้ำหนักอุดมคติ/วัน
- อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับพลังงานประมาณ 30 ถึง 35 กิโลแคลอรี/กก.น้ำหนักอุดมคติ/วัน
ในกรณีได้รับการล้าง/ฟอกไตทางหน้าท้องต้องรวมพลังงานที่ได้รับจากน้ำยาล้างไตทางช่องท้องด้วย
**น้ำหนักตัวในอุดมคติ (ideal body weight) สามารถคํานวณได้จากสมการ ดังนี้
เพศชาย = ความสูง (ซม.) – 100
เพศหญิง = ความสูง (ซม.) – 105
2. โปรตีน
- กรณีได้รับการล้าง/ฟอกไต
โปรตีนที่ควรได้รับ 1 วัน = น้ำหนักตัวในอุดมคติ x 1.2 กรัม/น้ำหนักอุดมคติ/วัน
- กรณีไม่ได้รับการล้าง/ฟอกไต
โปรตีนที่ควรได้รับ 1 วัน ในไตระยะ 3b ขึ้นไป = น้ำหนักตัวในอุดมคติ x 0.6-0.8 กรัม/น้ำหนักอุดมคติ/วัน
3. แร่ธาตุต่างๆ
- โซเดียม
ควรจำกัดเนื่องจากหากรับประทานมากเกินไปจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เกิดภาวะบวมน้ำ และน้ำท่วมปอดได้ ควรจํากัด โซเดียมไม่เกิน 2,000 มก./วัน
โดยควรปฏิบัติ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการปรุงรส จากการใช้เครื่องปรุงในปริมาณมาก โดยปริมาณโซเดียมอาจแตกต่างกันในผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อ ดังนั้น ก่อนปรุงควรอ่านฉลากโภชนาการเพื่อทราบถึงปริมาณโซเดียม ที่จะได้รับจากเครื่องปรุง เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับโซเดียมที่มากเกินไป
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปต่างๆ เค้ก เบเกอรี่ เนื่องจากมีส่วนประกอบที่มีโซเดียมแฝงอยู่ เช่น ผงฟู
(โซเดียมไบคาร์บอเนต) สารกันบูด (โซเดียมเบนโซเอต) และ สารที่ทำให้เนื้อสัตว์แปรรูปมีสีแดงอมชมพู เนื้อนุ่ม (โซเดียมไนไตรต์) เป็นต้น
- โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม เมื่อไตทำงานลดลงจะลดการขับโพแทสเซียมทางปัสสาวะ หากเกิดภาวะโพแทสเซียมสูงทำให้เกลือโพแทสเซียมคั่ง และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
ในผู้ป่วยที่มีค่าโพแทสเซียม ควรจำกัดโพแทสเซียม ไม่เกิน 2,000 มก./วัน
โดยโพแทสเซียม มักพบในผักและผลไม้
เทียบปริมาณต่อ 1 ส่วน
> ผลไม้ 6-7 ชิ้นคำ
> ผักสุก 1 ทัพพี/ ผักสด 2 ทัพพี
กลุ่มโพแทสเซียมต่ำ (ประมาณ 70 มิลลิกรัมต่อ 1 ส่วน)
เช่น แอปเปิ้ลเขียว สับปะรด ผักกาดขาว เห็ดหูหนู เป็นต้น
กลุ่มโพแทสเซียมปานกลาง (ประมาณ 150 มิลลิกรัมต่อ 1 ส่วน)
เช่น ชมพู ลองกอง ส้มโอ กะหล่ำปลี คะน้า เป็นต้น
กลุ่มโพแทสเซียมสูง (ประมาณ 270 มิลลิกรัมต่อ 1 ส่วน)
เช่น กล้วย แก้วมังกร มะเขือเทศ ฟักทอง เป็นต้น
เพิ่มเติม การนำผักไปลวก หรือ ต้ม ก่อนนำมารับประทาน สามารถลดปริมาณโพแทสเซียมได้
แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำจากแพทย์หรือนักกำหนดอาหาร
- ฟอสฟอรัส
เมื่อไตเสื่อมจะมีปัญหาการดูดซึมแคลเซียมและขับฟอสฟอรัส เมื่อเกิดภาวะฟอสฟอรัสสูง ทำให้กระดูกบาง และเกิดภาวะเส้นเลือดแดงแข็งตัวได้ นำมาซึ่งโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ป่วยที่มีค่าฟอสฟอรัสในเลือดสูง ควรปฏิบัติ ดังนี้ ควรจำกัด ฟอสฟอรัส ไม่เกิน 800 มก./วัน
โดยฟอสฟอรัส มักพบใน ไข่แดง และ ผลิตภัณฑ์จากไข่แดง โดยไข่แดง 1 ฟอง มีปริมาณฟอสฟอรัส ประมาณ 80 มก.
นม และ ผลิตภัณฑ์จากนม โดยนมจืด 1 แก้ว (240 มล.) มีปริมาณฟอสฟอรัส ประมาณ 200 มก.
เมล็ดธัญพืช ถั่วและผลิตภัณฑ์จากถั่ว เครื่องในสัตว์ และอาหารแปรรูป เป็นต้น
4. ไขมัน
- ควรรับประทานไขมันจากพืชเป็นหลักเนื่องจากเป็นไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา เป็นต้น
- ควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ (trans fat) / ไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันสัตว์ เนย น้ำมันปาล์ม กะทิ และน้ำมันมะพร้าว เป็นต้น
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- การจำกัดน้ำ โดยทั่วไปจะแนะนำให้ปริโภคน้ำเท่ากับปริมาณปัสสาวะต่อวัน หรือขึ้นอยู่กับระยะไตและภาวะของแต่ละบุคคล ทั้งนี้จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปริมาณน้ำที่ควรได้รับต่อวัน
- งดการรับประทานยาสมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน หรือวิตามินเสริมต่างๆนอกเหนือจากยาที่แพทย์สั่ง เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของไต และส่งผลต่อการรักษาได้
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร่วมด้วย ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันการเสื่อมลงของไต
- ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับโรคไตเรื้อรัง ควรควบคุมระดับความดันให้คงที่ เพื่อป้องกันการเสื่อมลงของไต
ผู้ป่วยไตเรื้อรังหรือผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม ควรพิถีพิถันในเรื่องของการเลือกทานอาหารมากเป็นพิเศษ โดยควรเลือกรับประทานโปรตีนที่เป็นกลุ่มเนื้อสัตว์ไม่ติดหนัง ไม่ติดมัน และเลือกใช้น้ำมันในการประกอบอาหารเป็นกลุ่มไขมันไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก เป็นต้น ซึ่งรับประทานได้ในปริมาณเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับระยะของการป่วยและสุขภาพไตของแต่ละบุคคลด้วย ดังนั้น การรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับระยะของโรคไต เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยในการชะลอการทำงานของไตและลดการเกิดภาวะทุพโภชนาการ การรับประทานให้เหมาะสม อร่อย และมีความสุขได้ง่ายๆ หากเรารู้วิธีการรับประทานที่ถูกต้อง โดย สำรับไต บายโมดิช เป็นอาหารที่ตั้งใจจัดทำขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเฉพาะ ทุกเมนูได้มีการคำนวณพลังงานและสารอาหารที่เหมาะสมกับผู้เป็นโรคไตมาอย่างพิถีพิถันและใส่ใจจากแพทย์โภชนาการผู้เชี่ยวชาญ นักกำหนดอาหาร และนักโภชนาการ โดยเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่มีความสดใหม่ สะอาด ควบคุมปริมาณสารอาหารบางชนิด โดยเฉพาะ โปรตีน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมและโซเดียม จึงช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้ดี และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยไตแน่นอน ที่สำคัญมีบริการจัดส่งอาหารถึงบ้านในราคาไม่แพงอีกด้วย
อ้างอิง : คําแนะนําแนวทางเวชปฏิบัติโภชนบําบัดสําหรับผู้ป่วยโรคไตในผู้ใหญ่ พ.ศ. 2561 [อินเทอร์เน็ต]. [ม.ป.พ.]; 2563 [ปรับปรุงเมื่อมีนาคม 2563; เข้าถึงเมื่อ 25 มกราคม 2566]. เข้าถึงได้จาก https://www.nephrothai.org
สำหรับใครที่ป่วยเป็นโรคไตและมีภาวะไตเสื่อม ไม่ควรพลาดการเลือกโภชนาการที่ดีที่สุดให้กับตนเอง ซึ่งทางเพจสำรับไตจะช่วยออกแบบเมนูให้กับคุณ โดยมีเมนูที่หลากหลาย อร่อย และดีต่อสุขภาพไตเป็นอย่างมาก สามารถสั่งซื้อหรือเข้ามาปรึกษาได้เลยที่
เบอร์โทร : 085-804-6542
Line : @modishshop (มี@ด้านหน้า)